หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อยากเปลี่ยนแบตแนะนำหน่อยคับ  (อ่าน 1876 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ละอ่อน
นักแข่งมือสมัครเล่น
***

จิตพิสัย 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 106



อีเมล์
« เมื่อ: กันยายน 11, 2013, 09:50:23 pm »

แบบว่าแบตลูกเดิมมันได้หมดอายุไขลงไปแล้วต้องการหาแบตใหม่ แต่มีข้อสงสัยระหว่างแบตแบบเติมน้ำกลั่นกับแบตแห้งใช้แบบไหนจะดีกว่ากัน

แต่ในใจอยากได้แบตแห้งอ่ะคับ รบกวนผู้รู้เรื่องการซื้อแบตหน่อยว่าควรดูยังไงยี่ห้อไหนด้เอาแบบทั้ง2แบบเลยนะคับ ขอบคุณล่วงหน้า
บันทึกการเข้า
threerapongin
นักแข่งมือสมัครเล่น
***

จิตพิสัย 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 141


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 12, 2013, 02:27:47 pm »

แบตบ้านเรามี 3 แบบ
1.แบบน้ำ ต้องเติมน้ำกลั่นและดูแลเรื่องน้ำกลั่นตลอด แบบนี้ข้อดีคือทนกว่าแบบอื่นๆ แต่ต้องดูแลเรื่องน้ำกลั่นอย่าให้ขาด
2. แบบ MF (Maintenance free) มีน้ำกลั่นเหมือนกันแต่อัตราการระเหยน้อยมาก แทบไม่ต้องดูแลเรื่องน้ำกลั่นเลย แบบนี้จะมี สติกเกอร์ปิดช่องที่เติมน้ำกลั่นอยู่ บางรุ่นไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุก็มี เช่น GS DL (ฝาสองชั้น) แบบนี้น้ำกรดคนละแบบกับแบบน้ำ ค่า SG สูงกว่า เพราะเน้นที่อัตราการระเหยที่ต่ำมากๆ และค่า CCA มักสูงกว่าแบบน้ำ และไม่ควรถ่ายน้ำกรดเดิมทิ้ง เพราะน้ำกรดที่ขายกันทั่วไป ใช้เฉพาะสำหรับแบบน้ำเท่านั้น ส่วนน้ำกรดแบบนี้ไม่มีขาย มีเฉพาะจากโรงงานผลิตแบตเท่านั้น หรือไม่ต้องผสมกรดเอง
3. แบบสุดท้ายคือแบบแห้ง Seal type แบบนี้จะใช้เป็น gel ด้านในผนึกปิดตายไม่มีช่องเติมน้ำกลั่น แบบนี้ไม่ต้องดูแลอะไรเลย แต่ราคาแพงสุด

เดี๋ยวนี้ ร้านแบตมักจะขายแบบ MF มากกว่าแบบน้ำเพราะราคาไม่หนีกันมาก แบบน้ำขายยากกว่า แพงกว่ากัน 100 -200 ดังนั้นจึงไม่ค่อยเห็นวางขาย แต่จะมีขายเป็นบางรุ่น ทั้ง 3 แบบ อายุการใช้งานพอๆกัน 1-2 ปี ก็ไปแล้ว ไม่เหมือนกับแบตสมัยเก่า ประกอบกับรถรุ่นใหม่ๆ มีระบบอิเล็กทรอนิกส์เยอะ เกือบทุกรุ่นต้องมีไฟเลี้ยง Immobilizer อายุจึงสั้น ทั้ง 3 แบบนี้ต่างกันที่ความยุ่งยากในการดูแลน้ำกลั่นเท่านั้น แต่ที่ลองใช้มาและหาข้อมูลมา อายุการใช้งานพอกัน บางคันอยู่ได้นานกว่า เพราะลักษณะการขับขี่และความถี่ในการใช้งานต่างกัน  ถ้าวิ่งน้อยจอดบ่อย แบตไปเร็วกว่า
บันทึกการเข้า
ละอ่อน
นักแข่งมือสมัครเล่น
***

จิตพิสัย 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 106



อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 12, 2013, 04:25:50 pm »

แบตบ้านเรามี 3 แบบ
1.แบบน้ำ ต้องเติมน้ำกลั่นและดูแลเรื่องน้ำกลั่นตลอด แบบนี้ข้อดีคือทนกว่าแบบอื่นๆ แต่ต้องดูแลเรื่องน้ำกลั่นอย่าให้ขาด
2. แบบ MF (Maintenance free) มีน้ำกลั่นเหมือนกันแต่อัตราการระเหยน้อยมาก แทบไม่ต้องดูแลเรื่องน้ำกลั่นเลย แบบนี้จะมี สติกเกอร์ปิดช่องที่เติมน้ำกลั่นอยู่ บางรุ่นไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุก็มี เช่น GS DL (ฝาสองชั้น) แบบนี้น้ำกรดคนละแบบกับแบบน้ำ ค่า SG สูงกว่า เพราะเน้นที่อัตราการระเหยที่ต่ำมากๆ และค่า CCA มักสูงกว่าแบบน้ำ และไม่ควรถ่ายน้ำกรดเดิมทิ้ง เพราะน้ำกรดที่ขายกันทั่วไป ใช้เฉพาะสำหรับแบบน้ำเท่านั้น ส่วนน้ำกรดแบบนี้ไม่มีขาย มีเฉพาะจากโรงงานผลิตแบตเท่านั้น หรือไม่ต้องผสมกรดเอง
3. แบบสุดท้ายคือแบบแห้ง Seal type แบบนี้จะใช้เป็น gel ด้านในผนึกปิดตายไม่มีช่องเติมน้ำกลั่น แบบนี้ไม่ต้องดูแลอะไรเลย แต่ราคาแพงสุด

เดี๋ยวนี้ ร้านแบตมักจะขายแบบ MF มากกว่าแบบน้ำเพราะราคาไม่หนีกันมาก แบบน้ำขายยากกว่า แพงกว่ากัน 100 -200 ดังนั้นจึงไม่ค่อยเห็นวางขาย แต่จะมีขายเป็นบางรุ่น ทั้ง 3 แบบ อายุการใช้งานพอๆกัน 1-2 ปี ก็ไปแล้ว ไม่เหมือนกับแบตสมัยเก่า ประกอบกับรถรุ่นใหม่ๆ มีระบบอิเล็กทรอนิกส์เยอะ เกือบทุกรุ่นต้องมีไฟเลี้ยง Immobilizer อายุจึงสั้น ทั้ง 3 แบบนี้ต่างกันที่ความยุ่งยากในการดูแลน้ำกลั่นเท่านั้น แต่ที่ลองใช้มาและหาข้อมูลมา อายุการใช้งานพอกัน บางคันอยู่ได้นานกว่า เพราะลักษณะการขับขี่และความถี่ในการใช้งานต่างกัน  ถ้าวิ่งน้อยจอดบ่อย แบตไปเร็วกว่า
ความรู้ทั้งนั้น ขอบคุณมากๆเลยคับ สงสัยต้องโดนแบตแห้งแล้ว ผมว่ามันไม่ต้องดูแลอะไรมาก
บันทึกการเข้า
NEUSS
นักแข่งมือสมัครเล่น
***

จิตพิสัย 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135


Short Circuit Team


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 12, 2013, 04:31:05 pm »

แบตน้ำลูกเก่าผม GS ปลายปี 52 เพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว 2 อาทิตย์เติมน้ำกลั่น 1 ครั้ง ใช้ได้ยาวมากครับ
บันทึกการเข้า

"นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา"
ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายแห่งคนดี
???????
นักแข่งแชมป์โลก
******

จิตพิสัย 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1064



อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 12, 2013, 06:45:57 pm »

แบบแห้งก็ดี 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: